วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวแกรนด์แคนยอน


^:แกรนด์แคนยอน:^



            กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากเบื้องล่างได้กัดกร่อนภูเขาหินทรายแดงแห่งหนึ่งนานนับพันๆปี ให้กลายเป็นดินแดนแห่งหุบผาชันอันยิ่งใหญ่ ที่ได้รับการยอมรับว่านี่คือ 1 ใน 7
สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก
       เป็นทัศนียภาพที่สะกดสายตา เมื่อได้มองดูลานกว้างของภูเขาหินผา ที่กว้างใหญ่ไกล อันเต็มไปด้วยเสน่ห์ของผาหินที่ตั้งตระหง่าน และหุบเหวที่ดูน่าเกรงขาม มีสีสันออกไปทางส้ม แดง เหลือง แซมด้วยสีน้ำตาล และดำ อันเป็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของ แกรนด์ แคนยอน



            ดินแดนแห่งนี้ตั้งอยู่ ณ อุทยานแห่งชาติเยลโล สโตน (Yellow Stone) ทางตอนเหนือของมลรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีอาณาบริเวณกว้างประมาณ 6-29 กิโลเมตร  ยาวราว 446 กิโลเมตร และเป็นหุบเหวลึก กว่า 1,600 เมตร  กินบริเวณถึง 1,217,403 เอเคอร์  มีลักษณะภูมิประเทศเป็นโกรกธาร อันเกิดจากการยกตัวของแผ่นดินจากท้องทะเล และถูกกัดเซาะจากกระแสน้ำที่เชียวกรากของแม่น้ำโคโลราโด ที่ไหลมาจากทางทิศเหนือลงไปสู่ทะเลสาบมี๊ดซึ่งอยู่ทางใต้ ระยะทางประมาณ 200 ไมล์ แกรนด์แคนยอน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ North rim สูงประมาณ 2500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล


                   มีจุดชมวิวโทโรวีป ( Toroweap Overlook ) อยู่ ณ ริมหุบผาชันทางด้านเหนือ( North Rim ) กว้างประมาณ 0.8 ก.ม. และ South rim ที่สูงประมาณ 2000 เมตร มีความลึกถึงแม่น้ำประมาณ 1,400 เมตร และแม่น้ำโคโลราโดที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 750 เมตร ในจุดที่ลึกที่สุดของโกรกธารมีชื่อว่า " แกรนิตกอร์จ( Granite  Gorge )ช่วงที่กว้างสุดนั้น กว้างถึง 29 ก.ม.





                  แต่เดิมที่แม่น้ำโคโลราโดผู้เป็นตัวเอกของเรื่องราว  เป็นเพียงลำธารเล็กๆ ที่ไหลคดเคี้ยวอยู่บนลานกว้างแห่งนี้ ต่อมาเมื่อเกิดแรงดันและความร้อนภายใต้เปลือกโลกส่งผลให้พื้นโลกยกตัวสูงขึ้น ภูมิประเทศจึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ก่อเกิดแนวเทือกเขาอันกว้างใหญ่ และการแปรเปลี่ยนเส้นทางของแม่น้ำโคโลราโด สายน้ำได้ไหลผ่านหุบเขาที่มีความชั้นมากขึ้นและทวีความรุนแรงกว่าเดิม ตามทางที่สายน้ำเชี่ยวเคลื่อนผ่านจะคอยพัดเอาทรายและตะกอนต่างๆ อีกทั้งกัดกร่อนชั้นหินที่กีดขวางเส้นทางของสายน้ำทีละน้อยๆ ด้วยความอดทนที่ยาวนาน อีกทั้งแรงลมประกอบกับอิทธิพลของดินฟ้าอากาศ และความร้อนความเย็นรอบข้าง ต่างก็เร่งเร้าให้ร่องหินถูกกัดเซาะ ทั้งกว้างและก็ลึกลงเรื่อยๆ จนเป็นร่องผาและหุบเหวลึก มีลวดลายเป็นชั้นๆในตัว จนคล้ายว่าจะสร้างพิพิธภัณฑ์ทางธรณีวิทยาตามผนังผาแห่งนี้  เพราะแต่ละแถบบนผาหินในแกรนด์แคนยอน นั้นเกิดจากตะกอนที่ถูกบีบอัดทับถมจากธรรมชาติผ่านกาลเวลาหลายล้านปี จนคล้ายกับจะบอกว่า นี่คือพิพิธภัณฑ์ให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์การก่อตัวของพื้นโลกในแต่ละยุค บางร่องรอยก็ทำให้เรารู้ว่า ครั้งหนึ่งที่แห่งนี้เคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น